วันพุธที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Top 10 Female Leaders

ไทมส์ จัดอันดับ 10 ผู้นำสุภาพสตรีแกร่ง
ที่สามารถทะลายกำแพงขึ้นไปจุดสูงสุดของวงการเมือง และกลายเป็นผู้นำหญิงของประเทศได้




1."แองเกลา แมร์เคิล" นายกรัฐมนตรีหญิงเยอรมนี
Angela Merkel, Chancellor of Germany
นางแมร์เคิล นักการเมืองหญิงที่อิทธิพลทางการเมืองมากที่สุดในโลก ได้รับปริญญาเอกสาขาฟิสิกส์จากเยอรมนีตะวันออก ก่อนเบนเข็มมายังสายการเมือง เธอสามารถชิงตำแหน่งเก้าอี้ในสภาผู้แทนราษฎรเยอรมนี จากการเลือกตั้งครั้งแรก เมื่อธ.ค.  1990 และในอีกหนึ่งปีถัดมา เธอได้รับการแต่งตั้งจากนายกรัฐมนตรี เฮลมุต โคห์ล ให้ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีคนใหม่ของประเทศ นางแองเกลา เคยผ่านการสมรสมาแล้ว 2 ครั้งและยังไม่มีบุตร เธอยังดำรงตำแหน่งประธานหญิงของพรรคสหภาพคริสเตียนเดโมแครต บ่อยครั้งที่เธอสงวนท่าทีไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นอะไร แต่เธอก็ได้ให้สัมภาษณ์ในปี 2010 กับไทมส์อย่างมั่นใจว่า"คุณสามารถพูดได้อย่างชัดเจนว่า มันไม่ผิดที่ฉันคิดจะทะเยอทะยาน ฉันไม่เคยประเมินตัวเองต่ำเกินไป"





2."คริสตินา เฟอร์นันเดส เดอ คริชเนอ" ประธานาธิบดีอาร์เจนตินา
Cristina Fernández de Kirchner, President of Argentina
เธอได้รับเลือกให้เป็นประธานธิบดีเมื่อพ.ย. 2007 (ซึ่งประสบความสำเร็จตามสามีของเธอ เนสโตร) เฟอร์นันเดส ในความเป็นผู้หญิงของเธอ เธอเห็นว่า การที่เหล่าสมาชิกทางการเมืองผู้ชายชั้นสูงบางคนจะเรียกเธอว่า "คริสตินนา" ถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม  เฟอร์นันเดสพาตัวเองรอดพ้นจากการโดนล็อบบี้จากประเทศที่ทรงอำนาจทางการเกษตร เนื่องจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันกับกรณีการค้นพบเงินสดในกระเป๋าเดินทาง ที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำที่ผิดกฎหมาย และตกเป็นเป้าสายตาประชาชนกรณีการโต้เถียงเรื่องนโยบายทางเศรษฐกิจ กับข้าราชการชั้นสูง ที่บานปลายจนถึงขั้นขับไล่ผู้ว่าการธนากลางของอาร์เจนติเมื่อตอนต้นปีที่ผ่านมา ด้วยภาพลักษณ์และวาทศิลป์ที่โดดเด่นของเธอ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกเปรียบให้เหมือนดัง เอวา เปรอง อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งคนแรกของอาร์เจนตินา




3."ดิลมา รูสเซฟฟ์" ประธานาธิบดีบราซิล
Dilma Rousseff, President of Brazil
ฉันอยากให้ครอบครัวที่มีลูกสาวลองมองเข้าไปในตา และบอกกับพวกเธอว่า ผู้หญิงสามารถทำได้แน่นอน" ดิลมา รูสเซฟฟ์กล่าวหลังชนะการเลือกตั้งของบราซิล และเมื่อเธอได้กุมบังเหียนของ 4 ประชาธิปไตยขนาดใหญ่ของโลก เมื่อ 1 ม.ค.  รูสเซฟฟ์เป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกที่มาจากอเมริกาใต้ และครองชัยชนะเหนือผู้นำหญิงของทุกที่ และจากการสละตำแหน่งของประธานาธิบดีลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ผู้ชักจูงเธอให้มารับตำแหน่งนี้ ในฐานะที่ลูลาเคยเป็นหัวหน้าของทีมงาน รูสเซฟฟ์ ได้ให้คำมั่นว่า จะสานต่อเจตนารมณ์จึงได้ครองความนิยมอย่างท่วมท้น “ฉันอยากจะกล่าวขอบคุณเป็นพิเศษแก่ประธานาธิบดีลูลา” เธอกล่าวในคืนวันเลือกตั้ง “ฉันจะสืบทอดนโยบายอันทรงเกรียติของเขา เราจะรวมตัวเป็นหนึ่งและทำให้งานของเขาเดินหน้าต่อไป”



4. "จูเลีย กิลลาร์ด" นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย

Julia Gillard, Prime Minister of Australia

หลังจากที่เธอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยพรรคแรงงานขับไล่นายกรัฐมนตรี เควิน รัดด์ ในวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา กิลลาร์ดในวัย 48 ปี ได้กลายเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศออสเตรเลีย มาตรการในการปรับปรุงประเทศของ กิลลารด์ ได้รับการสนับสนุนจากพรรคของเธอ กิลลารด์ จัดให้มีการเลือกตั้งอย่างรวดเร็วภายใน 3 สัปดาห์ โดยหวังที่จะได้รับประโยชน์จากผลการแสดงความคิดเห็นของประชาชน  แต่ในวันที่ 21 ส.ค.การเลือกตั้งก็ไม่สามารถหาข้อสรุปที่แน่ชัดได้ เพราะว่ารัฐบาลฝั่งซ้ายของนางกิลลารด์ ไม่สามารถเอาชนะพรรคอนุรักษ์ ซึ่งนำโดยนายโทนี แอบบอตต์ ที่สามารถรักษาคะแนนเสียงส่วนใหญ่ไว้ได้ หลังจากการเจราต่อรองที่ยืดเยื้อของผู้สมัครอิสระมากกว่า 2 สัปดาห์ การคุมเชิงทางการเมืองก็ยุติลงใน 7 ก.ย. กิลลารด์ ได้ครองที่นั่งส่วนใหญ่ในสภา 76-74 ที่นั่ง และจัดตั้งรัฐบาลชนกลุ่มน้อย





5."เอลเลน จอห์นสัน เซอร์ลีฟ" ประธานาธิบดีไลบีเรีย
Ellen Johnson Sirleaf, President of Liberia
สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยวิสคอนซินและฮาวาร์ด เป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของแอฟริกา หลังจากดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังเมื่อปี 1970  แต่เมื่อ ซามูเอล ดูอิ ทำการรัฐประธานยึดอำนาจในปี 1980 เป็นเหตุให้ประธานาธิบดีจอห์นสัน เซอร์ลีฟ และกรรมการคณะรัฐมนตรีหลายคนหลบหนีไปยังเคนยา ซึ่งเธอเคยเป็นผู้อำนวยการธนาคารซิตี้แบงค์ที่นั่น  และกลับมาลงสนามเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกครั้งในปี 1996 แต่ก็ต้องพ่ายให้กับชาร์ลส์ เทย์เลอร์  แต่เมื่อปี 2005 จึงสามารถนั่งตำแหน่งประธานาธิบดีได้สำเร็จ เธอให้คำมั่นว่า จะใช้สันชาติญาณความเป็นแม่ และความรู้สึกในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ในขณะที่ประเทศยังมีความต้องการที่สูงขึ้น และยังมีสงครามกลางเมือง



6."ชีค ฮาสินา วาเจด" นายกรัฐมนตรีบังคลาเทศ

Sheik Hasina Wajed, Prime Minister of Bangladesh

ฮาสินา ผู้นำหญิงวัย 62 ปี ของพรรคฝ่ายซ้ายสันนิบาติอาวามิ  มีประวัติรอดชีวิตจากการรัฐประหารในปี 1975 เมื่ออายุ 28 เธออยู่ต่างประเทศและได้รับรู้ข่าวตลอดเวลา ครอบครัวของเธอ ประกอบด้วยลูกชา พี่ชาย 3 คน มารดา บิดา และอดีตนายกรัฐมนตรีซี้ค มูจิบัน ราชมาน ถูกสังหารหมู่ในเหตุการณ์รุนแรงครั้งนั้น ฮาสินา ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรกเมื่อปี 1996 แต่เมื่อปี 2001 องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ จัดให้ บังคลาเทศ ติดอันดับเป็นประเทศที่มีการติดสินบนมากที่สุดในโลก และ ฮาสินา ก็ถูกปลดโดยคะแนนเสียงส่วนมาก แต่นั่นไม่ใช่จุดจบสำหรับเธอถึงแม้ว่าในเดือนมกราคม 2009 พรรคสันนิบาตอวามี จะชนะ 230 จาก 299 ที่นั่งในสภา เพราะในที่สุดเธอก็ฟันฝ่าอุปสรรคจนกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้อีกครั้ง



7."โจฮันนา ซิกูร์ดาร์ดอตตีร์" นายกรัฐมนตรีของไอซ์แลนด์
Johanna Sigurdardottir, Prime Minister of Iceland
หลังเศรษฐกิจของไอซ์แลนด์พังทลายลงเมื่อต.ค. 2008  ซิกูร์ดาร์ดอตตีร์ ต้องควบคุมคลื่นความไม่พอใจจากทุกทิศทาง ที่ถูกส่งไปยังคณะนายกรัฐมนตรี ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เธอจะได้รับการต้อนรับเข้าสู่กลุ่มนักการเมืองหน้าเดิม ที่ได้รับชัยชนะถึง 8 ครั้ง ตั้งแต่การได้รับเลือกตั้งเข้าสภาในปี 1978 เธอจึงเป็นสมาชิกของรัฐสภา ที่ได้รับใช้ประเทศมาอย่างยาวนาน และยังได้รับความนิยมมากที่สุดของประเทศ นอกเหนือจากบทบาทการเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไอซ์แลนด์ ซิกูร์ดาร์ดอตตีร์ วัย 67 ปี ยังสารภาพด้วยว่า เธอคือผู้นำรักร่วมเพศคนแรกของโลก และเมื่อมิ.ย. 2010 ไอซ์แลนด์ผ่านกฎหมายรับรองการแต่งงานของเพศเดียวกัน


8. "ลอรา ชินชิลลา" ประธานาธิบดีคอสตาริกา
Laura Chinchilla, President of Costa Rica

หลังจากดำรงตำแหน่งรองประธานธิบดี ภายใต้การนำของผู้ได้รับรางวัลโนเบล นายออสการ์ อาเรียส ซันเชส  เมื่อก.พ.ที่ผ่านมา ชินชิลลาชนะการเลือกตั้งครองเสียงส่วนใหญ่ 47% ในประเทศที่มักมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีอาชญากรรม กลุ่มพรรคฝ่ายซ้ายได้ชูจุดเด่นด้านการรักษาความปลอดภัยของเธอ ก่อนหน้านี้ เธอทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรีกระทรวงการรักษาความปลอดภัยของภาครัฐ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมของพรรคปลดปล่อยแห่งชาติ ด้วยความที่เธอเป็นคนอนุรักษ์นิยมทางสังคม เธอต่อต้านการแต่งงานของกลุ่มรักร่วมเพศ การทำแท้ง และจัดให้การใช้ยาคุมกำเนิดถูกกฎหมาย เธอดำเนินนโยบายการทำธุรกิจแบบมืออาชีพ ตามบรรพบุรุษของเธอ โดยการค้นหาการลงทุนระหว่างประเทศและขยายตลาดการค้าเสรี



9.ตารยา ฮาโลเนน ประธานาธิบดีฟินแลนด์
Tarja Halonen, President of Finland
โตมาในครอบครัวชนชั้นแรงงานชั้น ณ ใจกลางเมืองเฮลซิงกิ  ฮาโลเนน เริ่มเส้นอาชีพการเมืองอย่างประสบความสำเร็จ จากการสร้างความสัมพันธ์กับสหภาพแรงงาน และองค์กรพัฒนาเอกชน เธอเป็นประธานาธิบดีตั้งแต่ปี 2000 มีบทบาทโดดเด่นในตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทางทหาร และรณรงค์ฟินแลนด์ต่อต้านการเป็นสมาชิกของนาโต้ งานอดิเรกของเธอขัดกับตำแหน่งอันทรงพลัง เธอสนุกกับการว่ายน้ำ และดูแลแมวของเธอทั้ง 2 ตัว  เมื่อปี 2006 โคแนน โอ'ไบรอัน ้ดำเนินรายการโทรทัศน์และนักแสดงตลก ได้ออกมารับรองการเลือกตั้งของ ฮาโลเนน เนื่องจากเธอและเขามีความเข้มแข็งที่คล้ายกัน



10. "ดาเลีย ไกรบอสไคต์" ประธานาธิบดีลิทัวเนีย
Dalia Grybauskaite, President of Lithuania
หลังจาก ไกรบอสไคต์ รับอำนาจเมื่อปี 2009 นักข่าวชาวยุโรปต่างขนานนามเธออย่างรวดเร็วว่า เธอคือหญิงเหล็กแห่งลิทัวเนีย เนื่องจากเธอมีท่าทางการพูดที่เข้มแข้ง และเป็นคาราเต้สายดำ จากลูกสาวของพนักงานขายหญิงกับช่างไฟฟ้า  เธอทำงานนอกเวลาในโรงงานจนเรียนจบปริญญาเอกในทางเศรษฐศาสตร์   เมื่อปี 1999 เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ก่อนเข้าร่วมคณะกรรมาธิการยุโรปเมื่อปี 2009 ขณะที่ ลิทัวเนีย ตกอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย ไกรบอสไคต์ มุ่งเน้นนโยบายช่วยเหลือรายได้น้อย และการแก้ปัญหาการว่างงาน ซึ่งมีสูงถึงเกือบ 16%  เธอจึงได้รับชัยชนะจากคะแนนเสียงข้างมากถึง 68% ซึ่งเป็นสถิติชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ที่เคยบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งประธานาธิบดีลิทัวเนีย

ขอบคุณ : http://www.thairath.co.th

 "หวังว่าซักวัน ประเทศไทยคงจะมีโอกาสต้อนรับผู้นำคนใหม่ที่เป็นสุภาพสตรีซักครั้ง" เพราะเท่าที่เห็นผู้หญิงในยุคปัจจุบัน ทั้งเก่งและมีความสามารถในการบริหารจัดการองค์กรใหญ่ได้ดีไม่แพ้ผู้ชาย หรือ อาจจะใช้คำว่า "ดีกว่า" ก็ได้ เพียงแต่หากกล้าที่จะก้าวข้ามผ่านกรอบความคิดแบบเดิม ที่ว่า การบริหารประเทศนั้นตัองเป็นผูุ้ชายอย่างเดียว ออกมานอกกรอบให้ได้ และหยิบยื่นคำว่า "โอกาส" ให้กับเค้าเหล่านั้น ซักวันประเทศไทยก็น่าจะมีผู้นำที่เป็นผู้หญิงมาบริหารประเทศในรูปแบบใหม่ ๆ ให้เห็นกันแน่นอน "ประเทศไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกอยู่แล้ว"

โดย Barbiegirl  



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยความสุภาพ ขอบคุณคะ