วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2554

พระราโชวาท สมเด็จพระเทพฯ "ไม่ว่าจะประสบปัญหาใดๆ ต้องรู้จักสงบใจให้คลายจากความวุ่นวายสับสนก่อน"





ข่าวในพระราชสำนัก พระบรมมหาราชวัง วันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม พุทธศักราช 2554

 เวลา 08.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจำปีการศึกษา 2553 ณ อาคารศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น 


ในโอกาสนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานพระราโชวาทความว่า ในวิถีชีวิตของคนเรา ย่อมเป็นเรื่องปรกติธรรมดาที่แต่ละคนจะต้องเผชิญกับปัญหามากบ้างน้อยบ้าง ทั้งปัญหาที่เกิดจากผู้อื่น และที่มีสาเหตุมาจากตนเอง การจะแก้ไขบรรเทาปัญหาเหล่านั้น เชื่อว่าบัณฑิตคงจะทราบดีว่าต้องใช้ปัญญาเป็นเครื่องพิจารณาวินิจฉัย แต่บางครั้งเมื่อปัญหาเกิดขึ้นอย่างกระทันหันและรุนแรงก็อาจทำให้บางคนมีความหวั่นไหว สับสนฟุ้งซ่าน ถึงขั้นจนปัญญาได้


ดังนั้น ไม่ว่าจะประสบปัญหาใดๆ ก็ตาม ทุกคนจึงต้องรู้จักสงบใจให้คลายจากความวุ่นวายสับสนก่อน จะได้บังเกิดสติความระลึกรู้ที่จะช่วยให้รู้เท่าทันปัญหาตามสภาพความเป็นจริง เมื่อมีสติตั้งมั่น ปัญญาความคิดอ่านอันกระจ่างแจ่มใสก็จะเกิดขึ้น ทำให้สามารถพิจารณาเหตุและผลของปัญหา และวินิจฉัยได้ว่าควรแก้ไขบรรเทาอย่างไรให้เหมาะสมถูกต้อง จึงขอให้บัณฑิตทำความเข้าใจสิ่งที่พูดนี้ให้ทราบชัด แล้วนำไปเป็นแนวทางปฏิบัติ เพื่อแต่ละคนจะได้สามารถผ่านพ้นอุปสรรคปัญหาต่างๆ และนำพาชีวิตไปสู่ความเจริญมั่นคงได้โดยสวัสดี ต่อจากนั้น 

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางศิลาฤกษ์ อาคารเรียนรวม 9 ชั้น ณ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 

ในวันเดียวกันนี้ เวลา 15.55 น. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จไปทรงเปิดงาน “โครงการหลวง 2554” ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
อนึ่ง เมื่อวันพุธ ที่ 21 ธันวาคม 2554 เวลา 16.48 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดอุทยานการเรียนรู้ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม ณ อาคารศาลากลางจังหวัดมหาสารคาม (หลังเก่า) อำเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม 

ในวันเดียวกันนั้น เวลา 13.59 น. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จโดยรถยนต์ที่นั่ง จากเรือนรับรองที่ประทับอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง โครงการชลประทานสุรินทร์ อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ไปยังสนามเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราวอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง โครงการชลประทานสุรินทร์ เพื่อประทับเฮลิคอปเตอร์ที่นั่ง เสด็จไปยังโรงเรียนตาคงวิทยารัชมังคลาภิเษก อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์

ในโอกาสนี้ ทรงติดตามการปฏิบัติงานของหน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว) จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งโปรดให้แพทย์ พยาบาล อาสาสมัครสาธารณสุข ร่วมกับหน่วยแพทย์พระราชทานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และโรงพยาบาลศิริราช ออกให้บริการตรวจรักษาแก่ราษฎรผู้ป่วยเจ็บ รวมทั้งโปรดให้หน่วยสัตวแพทย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มาออกหน่วยบริการตรวจรักษา ป้องกันโรค และแนะนำการเลี้ยงดูสัตว์ ในการนี้ มีพระปฏิสันถารกับราษฎรและผู้ป่วยที่มาเฝ้ารับเสด็จ โดยโปรดให้ส่งผู้ป่วยไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราช และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ด้วย 

อนึ่ง หน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) จังหวัดสุรินทร์เป็นจังหวัดแพทย์อาสาลำดับที่ 29 ปัจจุบันมีแพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร และอาสาสมัคร รวม 1,493 คน โดยในปีนี้ ได้ออกหน่วยแพทย์และรถทันตกรรมเคลื่อนที่ไปยัง 19 หมู่บ้าน มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษา รวม 3,603 คน


 -ขอบคุณ : มติชนออนไลน์

เปิดโฉม"เจ้าของใบหน้าขึ้นปกไทมส์ "The Protester"บุคคลแห่งปี

"เดลี่ เมล์"ได้เปิดโฉมเจ้าของใบหน้าขึ้นปกนิตยสารไทมส์ฉบับล่าสุด ซึ่งเป็นรูปผู้หญิงสวมผ้าปิดหน้า สวมหมวกถักนิตติ้ง ในฐานะ"สัญญลักษณ์ตัวแทน"ของผู้ประท้วงทั่วโลก โดยหญิงดังกล่าว มีนามว่า น.ส.ซาราห์ เมสัน วัย 25 ปี เป็นพนักงานอาร์ตแกลลอรี่ ที่เข้าร่วมขบวนการประท้วง"Occupy LA"ด้วยเหตุผลไม่พอใจที่ชีวิตเธอต้องเผชิญภาวะมีหนี้สิน ภายหลังออกจากมหาวิทยาลัยนอร์ธเทิร์น อริโซน่า โดยระหว่างเหตุการณ์ดังกล่าว เธอได้ร่วมวงเกี่ยวแขนเป็นโซ่มนุษย์ประท้วงหน้าธนาคาร"แบงค์ ออฟ อเมริกา"เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ก่อนที่จะเธอถูกจับกุมตัวโดยตำรวจปราบจลาจลฐานไม่ยอมออกจากพื้นที่ดังกล่าว โดยเธอถูกบันทึกภาพโดยช่างภาพของนิตยสาร"LA weekly"



น.ส.ซาร่าห์ ให้สัมภาษณ์ในภายหลังว่า เธอคิดว่า ขบวนการ"ยึดวอลล์สตรีท"ได้แสดงให้เห็นถึงความสนใจอย่างมากของสังคมต่อความจริงที่ว่า นักศึกษาได้ลงทุนเสียเงินกับการศึกษาแต่กลายเป็นว่า การลงทุนดังกล่าวเป็นกลายเป็นสิ่งที่ไม่คุ้มค่าสำหรับพวกเขา

ทั้งนี้ สำหรับบุคคลแห่งปีรองอันดับหนึ่ง รวมทั้งนาวิกโยธินวิลเลี่ยม เอช แม็คราเวน ซึ่งเป็นผู้นำปฎิบัติการหน่วยซีลล่าสังหารนายโอซามา บิน ลาดิน ในปากีสถาน เมื่อเดือนพ.ค.,อ้าย เหว่ย เหว่ย ศิลปินจีนผู้ท้าทายรัฐบาลจีน และดัชเชส ออฟ แคมบริจด์

ขอบคุณ: มติชนออนไลน์

วันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2554

สดุดี"สตีฟ จ๊อบส์ เขาจะถูกจดจำเหมือน"เอดิสัน"และ"ไอน์สไตน์"


การเสียชีวิตของสตีฟ จ๊อบส์ ผู้กุมบังเหียนแอปเปิ้ล สร้างความเสียใจและเสียดายจากเหล่าบุคคลที่ชื่นชมความสามารถระดับ "อัจฉริยะ" ของเขา ที่สามารถนำพาโลกให้ทันสมัยล้ำหน้าและก้าวสู่ความศิวิไลซ์อย่างเหนือล้ำ ด้วยผลิตผลของ "แอปเปิ้ล" รุ่นแล้วรุ่นเล่า ที่กลายเป็นวัตกรรมสำคัญที่โลกต้องทึ่ง และเปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบอย่างทรงอิทธิพลภายใต้ความสามารถสร้างสรรค์ของเจ้าพ่อแอปเปิ้ล ที่ไม่อาจปฎิเสธได้

 
ต่อไปนี้เป็นการแสดงทัศนะสดุดีไว้อาลัยของเหล่าบุคคลระดับโลกที่มีต่อสตีฟ จ๊อบส์ กูรูแห่งโลกไอที
บุคคลที่โลกต้องจารึกวงการไอทีโลก ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ ที่คิดค้นสร้างสรรนวัตกรรมด้านไอที





บิล เกตส์ แห่งไมโครซอฟท์

ผมรู้สีกเศร้าใจอย่างแท้จริงที่รู้เรื่องการเสียของสตีฟ จ๊อบส์ เขาและผมเคยรู้จักกันเมื่อ 30 ปีก่อน เคยเป็นทั้งเพื่อนร่วมงาน คู่แข่ง ตลอดระยะเวลากว่าครึ่งชีวิตของเรา

โลกแทบจะไม่ได้เห็นใครที่สร้างอิทธิพลอย่างลึกล้ำเหมือนอย่างที่สตีฟ จ๊อบส์ ทำ สิ่งที่เขาสร้างสรรค์จะสร้างผลกระทบที่จะรู้สึกได้ถึงชนรุ่นอนาคตอีกหลายรุ่น




"เจอร์รี่ หยาง"ผู้บริหารแห่งยาฮู

สตีฟถือเป็นฮีโร่ตอนที่ผมกำลังโต เขาไม่เพียงแต่ให้คำแนะนำส่วนตัวมากมาย และกำลังใจแก่ผม เขาแสดงให้เราทุกคนเห็นว่านวัตกรรมสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตมนุษยเราได้อย่างไร และผมจะรำลึกถึงเขา เช่นเดียวกับโลกนี้




มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้ง"เฟซบุ๊ค"


สตีฟ ขอขอบคุณที่เป็นทั้งเพื่อนและผู้ช่วยเหลือ ขอบคุณที่คุณได้แสดงสิ่งที่คุณสามารถเปลี่ยนโลกได้ ผมจะคิดถึงคุณ





พอล อัลเลน แห่งไมโครซอฟท์

เราได้สูญเสียผู้บุกเบิกด้านเทคโนโลยีที่พิเศษยิ่ง และคนที่รู้วิธีการสร้างผลิตภัณฑ์อันยอดเยี่ยมอย่างน่าทึ่ง






แนนซี่ เปโลซี่ ประธานสภาผู้แทนราษฎร์สหรัฐ

สตีฟ จ๊อบส์ เป็นบุรุษผู้เปี่ยมวิสัยทัศน์ที่เปลี่ยนวิถีของโลกที่ใช้ชีวิตอยู่ เขาเป็นนักสร้างสรรค์ผู้ผลิตสินค้าที่มีผู้คนนับล้านซื้ออย่างมีความสุข และนักเสี่ยงผู้ไม่เคยเกรงกลัวที่จะท้าทายสถานภาพเดิมของโลก และเป็นผู้ประกอบการที่นำบริษัทที่สร้างสรรค์ที่สุดของโลกในยุคสมัยของเรา



ไมเคิล บลูมเบิร์ก นายกเทศมนตรีกรุงนิวยอร์ก
คืนนี้ อเมริกาต้องสูญเสียอัจฉริยะผู้จะถูกจดจำเหมือนเอดิสัน และไอน์สไตน์ และเป็นเจ้าของไอเดียที่ก่อร่างสร้างโลกเพื่อให้ชนรุ่นหน้า รวมทั้งตลอดช่วงสี่ทศวรรษที่ผ่านมา เขาได้มองเห็นอนาคตและได้นำสิ่งสร้างสรรค์มาให้ปรากฎก่อนที่คนส่วนใหญ่จะมองเห็นขอบฟ้า ความเชื่อมั่นที่ทะเยอทะยานของเขาในความเชื่อต่อเทคโนโลยีว่าจะเปลี่ยนโฉมของวิถีโลกที่เราอยู่ ได้ทำให้เราได้ทำอะไรมากกว่าแค่โทรศัพท์และไอแพด มันได้สร้างความรู้และอำนาจที่ก่อร่างสร้างโฉมหน้าของอารยธรรม


เอ็ดมุนด์ บราวน์ ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย
สตีฟ จ๊อบส์ เป็นนักสร้างสรรค์ชาวแคลิฟอร์เนียที่ยิ่งใหญ่ ผู้แสดงให้เห็นว่า จิตใจอันสร้างสรรค์และเป็นอิสระ สามารถบรรลุความสำเร็จได้ น้อยคนที่จะสร้างสร้างสิ่งงดงามและทรงอิทธิพลในชีวิตเรา

ขอบคุณเนื้อหาข่าว:  มติชนออนไลน์



ภาพการ์ตูนสรุปผลิตภัณฑ์ ในจากอุ้งมือ Steve Jobs


ขอบคุณ Steve Jobs(สตีฟ จ็อบส์) ที่มอบเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในโลกให้พวกเรา หลับให้เป็นสุขนะ นี้คงเป็นอีกความรู้สึกที่ตรงกับใจของใครหลายๆ คนที่ เดินตามและนำเอาแนวทางการปฎิบัติตัวของ Steve Jobs(สตีฟ จ็อบส์) มาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต (มีใครหลายคนอาจจะเบื่อกับข่าวนี้ ขอครับสักครั้ง วันนี้ของให้เป็นวันของผู้ชายคนนี้ Steve Jobs)

ประวัติ สตีฟ จ๊อบส์
สตีเฟน พอล "สตีฟ" จ๊อบส์ (อังกฤษ: Steve Jobs, 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1955 - 5 ตุลาคม ค.ศ. 2011) เป็นผู้นำธุรกิจและนักประดิษฐ์ชาวอเมริกัน ผู้ร่วมก่อตั้ง ประธาน อดีตประธานกรรมการบริหารของแอปเปิลคอมพิวเตอร์ และยังเคยเป็นประธานกรรมการบริหารพิกซาร์แอนิเมชันสตูดิโอส์ และเป็นคณะกรรมการบริหารบริษัทเดอะวอลต์ดิสนีย์ใน ค.ศ. 2006 หลังดิสนีย์ซื้อกิจการพิกซาร์
สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs)ร่วมก่อตั้งแอปเปิล คอมพิวเตอร์กับสตีฟ วอซเนียก ใน ค.ศ. 1976 เป็นผู้มีส่วนช่วยทำให้แนวความคิดเรื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเป็นที่นิยม ขึ้นมา ด้วยเครื่อง Apple II ต่อมา สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs)เป็น ผู้แรกที่มองเห็นศักยภาพทางการค้าของส่วนประสานงานผู้ใช้แบบกราฟิกส์และ เม้าส์ ที่ถูกพัฒนาขึ้นในศูนย์วิจัยซีร็อกซ์พาร์ค ของบริษัทซีร็อกซ์ และได้มีการผนวกเทคโนโลยีเหล่านี้เข้าไว้ในเครื่องแมคอินทอช หลังพ่ายแพ้ในการแย่งชิงอำนาจกับคณะกรรมการบริหารใน ค.ศ. 1984 สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs)ลา ออกจากแอปเปิลและก่อตั้งเน็กซ์ บริษัทพัฒนาแพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะในการศึกษาขั้นอุดมศึกษาและตลาดธุรกิจ การซื้อกิจการเน็กซ์ของแอปเปิลใน ค.ศ. 1996 ทำให้สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs)กลับเข้าทำงานในบริษัทแอปเปิลที่เขาร่วมก่อตั้งขึ้นนั้น และสตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs)รับหน้าที่ CEO ตั้งแต่ ค.ศ. 1997 ถึง 2011 สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs)ยัง เป็นประธานกรรมการบริหาร และผู้บริหารระดับสูงของพิกซาร์แอนิเมชันสตูดิโอส์ ผู้นำด้านการผลิตภาพยนตร์แอนิเมชันด้วยคอมพิวเตอร์กราฟิกส์ ทั้งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่ 50.1% กระทั่งบริษัทวอลต์ดิสนีย์ซื้อกิจการไปใน ค.ศ. 2006 จ๊อบส์เป็นผู้ถือหุ้นมากที่สุดของดิสนีย์ที่ 7% และเป็นสมาชิกคณะกรรมการบริหารของดิสนีย์ 
หลังจากที่ป่วยเป็นมะเร็งตับอ่อนเป็นเวลาหลายปี สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs)เสียชีวิตในวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2554

วันนี้ ขอพาย้อนกลับไปมองเทคโนโลยี ที่เค้าป็นคนปล่อยออกมาสู่โลก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ
เครื่องคอมพิวเตอร์รวมไปถึงอุตสาหกรรมเพลง เราไปดูกันดีกว่าผลิตภัณฑ์ใหม่ที่โดนเปิดตัวโดย Steve Jobs(สตีฟ จ็อบส์) มีอะไรกันบ้างตั้งแต่ปี 1976-2011 มีอะไรกันบ้าง 



ขอขอบคุณข้อมูลจาก: วิกิพีเดีย



ถ้าหากคุณใช้ชีวิตแต่ละวัน ดุจดังว่ามันเป็นวันสุดท้ายของชีวิต

สตีฟ  จ๊อบส์  บุคคลที่โลกต้องจารึก

วงการไอทีโลก สูญเสียผู้นำที่ยิ่งใหญ่ ที่คิดค้นสร้างสรร นวัติกรรมด้านไอที
ที่เป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ ไปด้วยความอาลัยอย่างยิ่ง เพียงวันเดียว 

หลังจากที่ ทิม คุก ซีอีโอคนใหม่ของ แอปเปิ้ล เปิดตัว ไอโฟนรุ่นใหม่ คือ ไอโฟน 4GS





ต่อไปนี้คือคำกล่าวส่วนหนึ่งของผู้ชายที่ทั่วโลก กำลังกล่าวถึงเค้า ผู้ซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้นำทางด้านไอทีตัวจริง ที่มีผู้คนทั่วโลกใช้ผลิตภัณฑ์ทีเกิดจากความพยายามศึกษา ค้นหา และผลิตจนเป็นแบรนด์ APPLE ของเค้าที่สามารถครองใจเป็นอันดับหนึ่ง ในเช้าวันนี้ สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) ชายหนุ่ม ผู้ก่อตั้งบริษัท และอดีตหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) เสียชีวิตแล้ว ในวัย 56 ปี หลังจากต่อสู้กับโรคมะเร็งมาหลายปี และเป็นการเสียชีวิตหลังจากที่แอ๊ปเปิ้ล พึ่งเปิดตัว ไอโฟน 4เอส ได้เพียงวันเดียว



สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs)
หรือที่จริง อาการของเค้าอาจจะหนักมากแล้ว แต่มันเป็นช่วงของการเปิดตัว iPhone 4s ทำให้ทาง  แอ๊ปเปิ้ล ต้องปิดเรื่องนี้ไว้ก่อน และหลังจากงานเปิดตัว ทาง แอ๊ปเปิ้ล  จึงออกมาแถลงข่าวการเสียชีวิตอย่างเป็นทางการ

วันนี้เลยนำประโยคดี ๆ ที่ สตีฟ จ็อบส์  ฝากไว้ก่อนเสียชีวิตมาฝากกัน

เมื่อผมอายุได้ 17 ปี ผมได้อ่านประโยคที่กล่าวไว้ว่า " ถ้าหากคุณใช้ชีวิตแต่ละวัน ดุจดังว่ามันเป็นวันสุดท้ายของชีวิตแล้วละก็ มั่นใจได้เลยว่าวันหนึ่งมันจะเป็นจริงอย่างที่คุณคิด " มันประทับใจผมอย่างมาก และตั้งแต่นั่นมา เป็นเวลา 33 ปี ทุกเช้าผมต้องมองที่กระจกและถามตัวเองว่า “ ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายในชีวิตของผม ผมจะยังคงต้องการที่จะทำสิ่งที่ผมจะทำในวันนี้หรือเปล่า “ และถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่คำตอบคือ “ ไม่ “ หลายวันถัดมา ผมก็รู้ว่าผมจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงบางอย่างแล้ว

จำไว้ว่า ประโยคที่ว่า “ ผมจะต้องตายในไม่ช้า “ นั้นเป็นเครื่องมือสำคัญที่สุดที่พบเคยพบมา ที่จะช่วยผมสร้างทางเลือกที่สำคัญยิ่งในชีวิต เพราะว่าเกือบทุกสิ่งตั้งแต่ ทุกความคาดหวังภายนอก ทุกความภาคภูมิใจ ทุกความกลัวต่ออุปสรรคหรือความล้มเหลว สิ่งเหล่านี้จะมลายหายไปเมื่อคุณต้องเผชิญกับความตาย การจากไปเป็นเพียงสิ่งเดียวที่สำคัญอย่างแท้จริง การจำไว้ว่าคุณต้องตายเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ผมรู้จัก เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการติดในกับดักของความคิดที่ว่าคุณอาจต้องสูญเสียบาง สิ่งไป คุณนั้นเกิดมาตัวเปลือยเปล่า จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณจะไม่ทำตามหัวใจของตัวเอง

เมื่อประมาณหนึ่ง ปีมาแล้ว ผมถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง ผมต้องถูกสแกนตั้งแต่เช้าตอนเจ็ดโมงครึ่ง และผลออกมาชัดเจนว่ามีเนื้องอกในตับอ่อน ผมไม่รู้จักด้วยซ้ำว่าตับอ่อนคืออะไร หมอบอกผมว่าค่อนข้างจะแน่ใจว่าผมเป็นมะเร็งชนิดที่ไม่สามารถรักษาได้ และคาดว่าผมจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ไม่เกิน 3-6 เดือน หมอประจำตัวผมแนะนำให้ผมกลับไปบ้านและทำสิ่งที่อยากทำ ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณจากหมอว่าให้เตรียมตัวที่จะตายได้ มันหมายถึงให้คุณเอาสิ่งที่คุณคิดว่าจะบอกลูกคุณในสิบปีข้างหน้า มาบอกพวกเขาภายในเวลา 2 - 3 เดือน มันหมายถึงการที่จะแน่ใจได้ว่าทุกสิ่งได้ถูกจัดการให้เรียบร้อย เพื่อที่จะได้ให้ครอบครัวทำใจได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ มันหมายถึงว่า ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องบอกลา

ผมต้องอยู่กับเจ้าโรคนั้นตลอดทั้งวัน เวลาผ่านไปจนถึงเย็นวันหนึ่งที่ผมต้องเข้ารับการตรวจ ซึ่งพวกเขาต้องสอดกล้องเอนโดสโคปลงไปในคอของผม ผ่านกระเพาะอาหารและลงไปสู่ลำไส้ใหญ่ แล้วเอาเข็มทิ่มเข้าไปที่ตับอ่อน และตัดเอาเซลล์เล็กน้อยออกมาจากเนื้องอกก้อนนั้น ผมถูกปลอบให้ทำใจดีๆ แต่ภรรยาของผมซึ่งอยู่ที่นั่นด้วย บอกว่าเมื่อพวกเขาเอาเซลล์ไปส่องด้วยกล้องไมโครสโคป แล้วอยู่ๆหมอก็เริ่มร้องไห้ เพราะว่าผลออกมากลายเป็น นี่เป็นโรคมะเร็งตับชนิดที่หายากมากๆ และสามารถรักษาให้หายได้ด้วยการผ่าตัด ผมต้องเข้ารับการผ่าตัด และตอนนี้ผมหายดีแล้ว

นี่เป็นเหตุการณ์ที่ใกล้ชิดที่สุดที่ผมต้อง เผชิญหน้ากับความตาย และผมหวังว่ามันจะเป็นเช่นนั้นไปอีก 20-30ปี ด้วยการผ่านพ้นช่วงเวลาดังกล่าวมาได้ ตอนนี้ผมจึงสามารถพูดกับคุณได้อย่างมั่นใจว่าความตายนั้นมีคุณค่า มากกว่าเมื่อตอนที่มันยังเป็นแค่ความคิด

ไม่มีใครที่ต้องการตาย แม้กระทั่งคนที่ต้องการไปสวรรค์ ก็ยังไม่ต้องการตายเพื่อไปที่นั่น และความตายคือจุดหมายปลายทางที่เราทุกคนต้องแบ่งปัน ไม่มีใครหนีรอดไปได้ และมันยังคงเป็นอย่างที่ควร เพราะว่าความตายค่อนนั้นเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ดีทีสุดของชีวิต มันคือตัวแทนของการเปลี่ยนแปลงแห่งชีวิต มันกวาดล้างสิ่งเก่าๆออกไป เพื่อสร้างสิ่งใหม่ขึ้นมาแทน ตอนนี้สิ่งใหม่นั้นก็คือคุณ แต่วันหนึ่ง ไม่นานนักจากวันนี้ คุณจะค่อยๆกลายเป็นคนแก่และถูกกวาดไปเช่นกัน ต้องขอโทษที่เล่าเหมือนเป็นละคร แต่นี่คือความจริง

เวลาของคุณมี จำกัด ฉะนั้น อย่าเสียเวลาเพื่อเติมเต็มชีวิตผู้อื่น อย่าติดกับดักของกฎเกณฑ์ที่ไม่มีข้อพิสูจน์ ซึ่งขึ้นอยู่กับผลของความคิดของคนอื่น อย่าปล่อยให้เสียงของความคิดเห็นของคนอื่นมากลบเสียงภายในของคุณเอง และสำคัญที่สุด จงกล้าที่จะทำตามหัวใจและสัญชาติญาณของคุณ ด้วยเหตุผลใดก็ตาม มันรู้ถึงสิ่งที่คุณต้องการจะเป็นอย่างแท้จริง สิ่งที่เหลืออื่นจึงสำคัญรองลงมา

เมื่อผมยังเป็นเด็ก มีสิ่งตีพิมพ์ที่น่ามหัศจรรย์อันหนึ่งชื่อว่า The Whole Earth Catalog ซึ่งเป็นคัมภีร์ของคนรุ่นผม มันถูกสร้างสรรค์โดยคนกลุ่มหนึ่งที่ชื่อว่า Stewart Brand ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ แถวๆ Menlo Park และมันนำมาซี่งความมีชีวิตชีวา ด้วยสัมผัสแห่งบทกวี นี่คือในช่วงยุค 1960 ก่อนที่คอมพิวเตอร์ PC และ เครื่อง desktop จะมีออกจำหน่าย ดังนั้นมันจึงถูกเขียนขึ้นด้วยมือ กรรไกร และกล้องโพลารอยด์ มันเหมือนกับ Google ในรูปแบบกระดาษ 35 ปีก่อนที่ Google จะกำเนิดขึ้น มันเป็นเหมือนสิ่งอุดมคติ ที่ท่วมท้นออกมาโดยอาศัยเครื่องมืออันประณีต และความคิดอันเยี่ยมยอด

สจ๊วตและทีมของเขา ผลิตThe Whole Earth Catalog ออกมาหลายเล่ม และในขณะที่มันดำเนินไปตามเส้นทางที่วางไว้ พวกเขาก็เลิกทำ นั่นคือตอนกลางยุค 1970 และผมยังมีอายุพอๆกับพวกคุณ บนปกหลังของฉบับสุดท้าย เป็นภาพยามเช้าของถนนในถิ่นกันดาร แบบที่คุณสามารถพบตัวเองกำลังโบกรถอยู่ถ้าคุณเป็นคนประเภทชอบการผจญภัย ภายใต้ภาพนั้นมีคำพูดว่า “ จงเหมือนคนหิว(ความฝัน) จงเหมือนคนเขลา (เพ้อฝัน) “ มันคือข้อความอำลาจากพวกเขา จงเหมือนคนหิว จงเหมือนคนเขลา และผมมักภาวนาให้มันเกิดกับตัวเองเสมอ และวันนี้ เมื่อพวกคุณจบการศึกษาเพื่อที่จะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ผมจะภาวนาสิ่งนี้ให้พวกคุณ
" ไม่มีใครที่ต้องการตาย แม้กระทั่งคนที่ต้องการไปสวรรค์ ก็ยังไม่ต้องการตายเพื่อไปที่นั่น และความตายคือจุดหมายปลายทางที่เราทุกคนต้องแบ่งปัน ไม่มีใครหนีรอดไปได้ และมันยังคงเป็นอย่างที่ควร เพราะว่าความตายค่อนนั้นเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ดีทีสุดของชีวิต มันคือตัวแทนของการเปลี่ยนแปลงแห่งชีวิต "
สุดท้าย ขอไว้อาลัยแก่ สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) หนึ่งในผู้ที่เข้ามาปฏิวัติวงการ IT โลกให้มีอะไรที่คนธรรมดาอย่างเรา ๆ คิดไม่ถึง ขอบคุณสำหรับชื่อ ของ Apple และอุปกร์ไอที ที่คุณสร้างสรรมันขึ้นมา





ขอบคุณ: http://hitech.sanook.com

คำคม จาก Steve Jobs CEO คนเก่งที่จะอยู่ในใจเราตลอดไป


เมื่อวานช่วงค่ำๆ ฝนตกหนักมากๆที่กรุงเทพ ท่ามกลางบรรยากาศรถติด ชนิดที่ว่าไม่ขยับไปไหนเลย ก็ได้แต่นั่งนิ่งๆ อยู่ในรถ พร้อมกับอ่านหนังสือ  Be Magazine ไล่อ่าน ไปเรื่อยๆตั้งแต่หน้าแรก จนไปสดุดกับบทความหนึ่งที่มีเรื่องราวของ Steve Jobs อดีต CEO คนเก่งของบริษัทแอปเปิ้ล ที่นำเสนอโดย คุณอารันดร์  อาชาพิลาส  โดยได้คัดลอกข้อความบทหนึ่งจากหนังสือ วิชาสุดท้าย ที่มหาวิทยาลัยไม่ได้สอน (เล่ม1) ซึ่งแปลโดย คุณ สฤณี อาชวานันทกุล
ทันทีที่อ่านบทความเรื่องนี้จบ ก็ตั้งคำถามกับตัวเองเล่นๆว่าหลายคนก็มีความคิดแตกต่างแต่ทำไมไม่ประสบความสำเร็จ? 
วันนี้ขอหยิบประโยคทองที่อ่านแล้วรู้สึกว่ามันมีความหมายดีๆซ่อนอยู่มาให้เพื่อนๆ  ได้อ่านแล้วลองคิดตามดู
1. อย่าทิ้งความกระหาย อย่าคลายความซื่อ
2. ผมถูกไล่ออก แต่ผมยังมีความรักอยู่นั่นทำให้ผมตัดสินใจเริ่มต้นใหม่
3. อย่้าตกเป็นทาสของกฎเกณฑ์-นั่นคือการใช้ชีวิตตามความคิดของคนอื่น อย่าปล่อยให้เสียงของคนอื่นดังกลบเสียงของหัวใจเราเอง
4. เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตเราจะหมดไปกับงาน วิธีเดียวที่จะทำให้เรามีความสุขกับงานที่ทำก็คือ เมื่อเราทำงานที่ยอดเยี่ยม  และวิธีเดียวที่จะทำให้ได้งานออกมายอดเยี่ยม คือ เมื่อเรารักงานที่เราทำ
5.  ความตายเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ธรรมชาติให้เรามา เป็นผู้นำความเปลี่ยนแปลงกำจัดของเก่าเพื่อสละพื้นที่ให้กับของใหม่
6. คิดอย่างแตกต่าง
7. "คิดต่าง" อย่า "มัวแต่ยืนอยู่ในแถวเหมือนพวกแกะ"
8. คุณอยากใช้ชีวิตที่เหลือขายน้ำหวาน หรืออยากมีโอกาศเปลี่ยนแปลงโลก?
9. คุณ ไม่สามารถเพียงถามลูกค้าว่าพวกเขาต้องการอะไร แล้วพยายามมอบสิ่งที่พวกเขาต้องการให้พวกเขา เพราะกว่าคุณจะผลิตของสิ่งนั้นสำเร็จ พวกเขาก็อยากได้ของใหม่แล้ว
สุดท้ายขอแสดงความเสียใจและร่วมไว้อาลัยกับการจากไปของ สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs) ไว้ณ ทีนี้ด้วย


ที่มา: ampus.sanook.com

วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2554

นิตยสารไทม์ยกย่อง "ยิ่งลักษณ์" สุดยอด 12 ผู้นำหญิงโลกเคียงข้าง "อังเกลา แมร์เคิล" นายกฯเยอรมัน



นิตยสารไทม์ได้เผยแพร่บทความวันที่ 5 สิงหาคม  เรื่อง 12 ผู้นำหญิงโลก ที่เขียนโดยวิลเลียม ลี อดัมส์ โดยยกให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิงไทยเป็น 1 ในจำนวนดังกล่าว โดยกล่าวว่า คุณสมบัติเกี่ยวกับการเมืองของน.ส.ยิ่งลักษณ์ มีเพียงแค่การเป็นน้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเท่านั้น มันไม่ใช่ข้อกล่าวหาที่รุนแรงเกินเหตุ เพราะว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จบการศึกษด้านการบริหารที่เคนตั๊กกี้ สเตต ยูนิเวอร์ซิตี้ สหรัฐ และใช้เวลาส่วนใหญ่ในการทำงานเกี่ยวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทที่ พ.ต.ท.ทักษิณก่อตั้งขึ้น แต่วันที่ 17 พฤษภาคม น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ก้าวขึ้นมาโดดเด่นในระดับชาติ หลังจากพรรคเพื่อไทยเลือกเป็นผู้นำพรรคและสองสัปดาห์ต่อมา วันที่ 3 กรกฎาคม พรรคเพื่อไทยของน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้รับเลือกตั้ง ส.ส. 265 คน จากทั้งหมด 500 คน และเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ได้รับการโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรี


ไทม์ระบุด้วยว่า นอกเหนือจากที่จะต้องเอาชนะเสียงวิจารณ์ว่าพี่ชายคือผู้อยู่เบื้องหลังในการบริหารประเทศแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์จะต้องทำตามนโยบายที่ได้หาเสียงเอาไว้ให้ได้ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำและแจกแท็บเล็ตพีซีให้เด็กนักเรียน โดยไม่ทำลายเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งต้องหาทางแก้ไขความสัมพันธ์ของไทยกับกัมพูชารวมไปถึงการสร้างความปรองดองระหว่างกลุ่มคนเสื้อแดงกับเสื้อเหลือง


ส่วนผู้นำหญิงโลกอีก 11 คน ประกอบด้วย อังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี, คริสตินา เฟอร์นันเดซ เดอ เคิร์ชเนอร์ ประธานาธิบดีอาร์เจนตินา, ดิลมา รูสเซฟฟ์ ประธานาธิบดีบราซิล, จูเลีย กิลลาร์ด นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย, เอลเลน จอห์นสัน เซอร์ลีพ ประธานาธิบดีไลบีเรีย


ชีค ฮาสินา วาเจด นายกรัฐมนตรีบังกลาเทศ, โจฮันนา ซิเกอร์ดาร์ดอตตีร์ นายกรัฐมนตรีไอซ์แลนด์, ลอรา ชินชิลลา นายกรัฐมนตรีคอสตาริกา, ตาร์ยา ฮาโลเนน นายกรัฐมนตรีฟินแลนด์, ดาเลีย กริโบสเกียต นายกรัฐมนตรีลิธัวเนีย, กัมลา เปอร์ซาด บิสเซสซาร์ นายกรัฐมนตรีตรินิแดด แอนด์ โตเบโก

barbiegirl: ดิฉันมองว่า คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร  ไม่ได้มีดีที่ความสวยเพียงอย่างเดียว แต่คุณยิ่งลักษณ์มีความเป็นนักบริหารมืออาชีพ ด้วยความเป็นนักธุรกิจ ทำให้รอบข้างตัวเธอห้อมล้อมไปด้วยเพื่อนร่วมงานมากมาย ฉะนั้น ลักษณะของความเป็นคนที่จะต้องสัมผัสกับคนหมู่มากย่อมต้องอยู่กับความหลากหลายของปัญหา และความคิดเห็นที่แตกต่างย่อมต้องมีอย่างแน่นอน แต่ด้วยความที่เป็นผู้หญิงซึ่งจะมีอุปนิสัยโดยพื้นฐานของความความสุภาพ นิ่มนวล ประนีประนอม และรับฟังเหตุผลของคนที่มีความคิดต่าง น่าจะส่งให้คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะผู้นำรัฐบาล จะสามารถนำพาประเทศก้าวพ้นความขัดแย้งได้ในไม่ช้า .


ที่มา: http://www.matichon.co.th วันที่ 08 สิงหาคม พ.ศ. 2554 เวลา 10:18:30 น

แฉเทปลับ "แจ๊กเกอลีน โอนาร์ซิส" เชื่อเจเอฟเค ถูก "ลินดอน จอห์นสัน" บงการเหตุลอบสังหารเขย่าโลก





สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เทปลับของนางแจ๊กเกอลีน โอนาร์ซิส อดีตสุภาพสุตรีหมายเลขหนึ่ง ของภริยาของประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคนเนดี้ ผู้นำสหรัฐผู้ล่วงลับ ที่บันทึกโดยนายอาเธอร์ เชลซิงเกอร์ นักประวัติศาสตร์ ที่เก็บไว้ในห้องสมุดเตรียมจะถูกเผยแพร่แล้วทางสถานีโทรทัศน์สหรัฐ ภายใต้ข้อตกลงซื้อเทปดังกล่าวจากนางคาโรลีน เคนเนดี้ ลูกสาวของแจ๊กเกอลีน และจอห์น เอฟ เคนเนดี้ โดยเทปดังกล่าวมีเนื้อหาระบุว่า นางแจ๊กเกอลีนเชื่อว่า นายลินดอน จอห์นสัน ร่วมกับนักธุรกิจสหรัฐจากภาคใต้ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังบงการให้นายลี ฮาร์วีย์ ออสวัลด์ เป็นผู้ลอบสังหารสามีของเธอ ในขณะที่นายลินดอน กำลังเป็นรองประธานาธิบดีในขณะนั้น  โดยบันทึกคำอ้างดังกล่าวมีขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนภายหลังเกิดเหตุการณ์โศกนาฎกรรมดังกล่าว ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 พ.ย.1963



                            วิลเลี่ยม โฮลเด้น ดาราฮอลลีวูด


รายงานระบุว่า แจ๊กเกอลีน โอนาร์ซิส ได้เสียชีวิตเมื่อ 17 ปีก่อน จากโรคมะเร็งด้วยวัย 64 ปี โดยในช่วงบันทึกเทปดังกล่าว เธอกำชับนายอาเธอร์ว่า ให้เปิดเผยเทปนี้ 50 ปีให้หลังไปแล้ว เนื่องจากเธอเกรงว่า หากมีการเปิดเผยเทปดังกล่าวในช่วงนั้น ครอบครัวของเธอจะถูกมุ่งเป้าล้างแค้น


                              จิอันนี่ อักเนลลี่ เจ้าของกิจการ"เฟี๊ยต"


ด้านผู้บริหารสถานีโทรทัศน์เอบีซีซึ่งเตรียมจะเผยแพร่เทปดังกล่าว บอกว่าเทปนี้เป็นการเปิดโปงประวัติศาสตร์ และพวกเขาเชื่อว่า เจเอฟเค มีความสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่ฝึกงานทำเนียบขาว และแจ๊กเกอลีนยังเคยพบกางเกงชั้นในผู้หญิงบนเตียงนอนของเธอและสามี อย่างไรก็ตาม พวกเขาเชื่อด้วยว่า แจ๊กเกอลีนยังมีสัมพันธ์ลับกับวิลเลี่ยม โฮลเด้น ดาราฮอลลีวูด และจิอันนี่ อักเนลลี่ เจ้าของกิจการ"เฟี๊ยต" และก่อนหน้านี้จะเกิดเหตุโศกนาฎกรรม พวกเขาได้หันหน้าคืนดีกัน และวางแผนจะมีทายาทเพิ่มด้วย ขณะที่นายอาเธอร์กล่าวว่า แจ๊กเกอลีน นอกใจเจเอฟเค เพราะเธอต้องการแก้แค้นที่เขานอกใจเธอก่อน

barbiegirl : ชีวิตของผู้นำใช่ว่าจะดีเพรียบร้อมไปซะทุกอย่าง บางครั้งวุ่นวายและน่าเบื่อหน่ายแต่ยังไงก็เลือกเฉพาะส่วนดีของเค้ามาเป็นแบบอย่างละกันนะคะ

ที่มา : http://www.matichon.co.th วันที่ 09 สิงหาคม พ.ศ. 2554 เวลา 16:00:13 น.


วันอังคารที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ผู้นำ CPF เห็นด้วยกับนโยบาย 2 สูงของรัฐบาลใหม่




อดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่
 บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร

CPF เห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาลใหม่ เรื่องการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท เงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท และรับจำนำข้าว 15,000-20,000 บาท เพราะตรงกับทฤษฎี 2 สูง ของคุณธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานเครือซีพี ที่ได้เคยกล่าวถึงเรื่องนี้หลายครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เราต้องยอมรับว่าโลกมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น มีผลทำให้เกิดการใช้พืชพลังงานทดแทน เช่น มันสำปะหลัง อ้อย น้ำมันปาล์ม และข้าวโพด มาผลิตไบโอดีเซลและเอทานอล ตลอดจนยางธรรมชาติก็มีความต้องการมากขึ้นด้วย มีผลทำให้พื้นที่เพาะปลูกพืชอาหารลดน้อยตามไปด้วย

การเปลี่ยนแปลงอีกประการหนึ่ง ก็คือ ภาวะโลกร้อน มีผลทำให้สภาวะอากาศของโลกเปลี่ยนแปลง ดังจะเห็นได้จากการเกิดภัยพิบัติ น้ำท่วม และภัยแล้ง ทำให้การผลิตพืชผลเกษตรเสียหาย รวมทั้งการเลี้ยงสัตว์ เช่น ไก่ หมู และกุ้ง ก็เสียหายไปทั่วโลกด้วย ส่งผลให้อาหารของโลกขาดแคลนและมีราคาแพงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ดังนั้น ประเทศของเราจะต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี้ โดยเฉพาะการยกระดับรายได้ของคนส่วนใหญ่ของประเทศให้เพียงพอกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นเป็นลำดับ

อย่างไรก็ตาม การปรับรายได้ค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 300 บาท ตามนโยบายของรัฐบาลครั้งนี้ รัฐบาลก็ควรที่จะต้องมีมาตรการรองรับอย่างชัดเจน เพื่อช่วยเหลือธุรกิจ SME ให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยอาจดำเนินการในระยะเริ่มแรกด้วยการสนับสนุนด้านการเงินในรูปแบบต่างๆ ตลอดจนมาตรการทางภาษีมามีส่วนชดเชยเพื่อให้ธุรกิจ SME ดำรงอยู่ได้ 

ส่วนธุรกิจขนาดใหญ่ ตนเชื่อว่า จะสามารถปรับตัวได้ ด้วยการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานและคนงาน ตลอดจนการลดค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆ ที่มีผลต่อต้นทุนการผลิต รวมทั้งมาตรการที่รัฐบาลจะให้การส่งเสริมสนับสนุนภาคธุรกิจ เช่น มาตรการทางภาษีนิติบุคคล ที่จะลดจากอัตราการจัดเก็บ 30% เหลือ 23% ซึ่งจะส่งผลดีในภาพรวมด้วย เพราะปัจจุบันอัตราการจัดเก็บของประเทศไทยสูงกว่าประเทศอื่นๆ

นายอดิเรก กล่าวอีกว่า สำหรับ CPF เองมีแรงงานอยู่ประมาณ 40,000 คน โดยปกติเราให้ค่าจ้างที่สูงกว่าค่าจ้างขั้นต่ำตามที่รัฐบาลกำหนดอยู่แล้ว ซึ่งเราก็พร้อมที่จะปฏิบัติตามนโยบายค่าจ้างขั้นต่ำของรัฐบาลใหม่ ทั้งๆ ที่ผมในฐานะผู้บริหารก็มีความหนักใจอยู่ไม่น้อยเหมือนกันที่จะดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในทันที แต่เมื่อรัฐบาลมีเจตนาที่จะดำเนินนโยบายนี้ CPF เองก็พร้อมและมีความยินดีสนับสนุนเพื่อที่จะทำให้คนส่วนใหญ่ของประเทศไทยได้รับผลประโยชน์สูงสุด ที่ผ่านมา CPF เรามุ่งเน้นในการเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงานและคนงาน พร้อมทั้งใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามามีส่วนช่วยในกระบวนการทำงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและทำให้สามารถแข่งขันได้เป็นปกติอยู่แล้ว

ภาวะราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ในรอบระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา ราคาน้ำมันเบนซินจากลิตรละไม่เกิน 1.90 บาท เป็นกว่า 40 บาทซึ่งสูงขึ้นกว่า 20 เท่า ราคาทองคำจากบาทละ 400 บาท ปัจจุบัน 22,000 บาท สูงขึ้น 50 กว่าเท่า ค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 20 บาท ปัจจุบัน 215 บาท สูงขึ้น 11 เท่า ไข่ไก่จากฟองละ 0.50 บาท ปัจจุบัน 3.50 บาท สูงขึ้น 7 เท่า หมูเป็นจากกิโลละ 7 บาท ปัจจุบัน 75 บาท สูงขึ้น 11 เท่า ไก่เนื้อ จาก 12 บาท เป็น 38 บาท สูงขึ้นเพียง 3 เท่ากว่า

จึงเห็นได้ว่า ไก่เนื้อราคาสูงขึ้นน้อยที่สุดเนื่องจากเป็นสินค้าที่ไม่ได้ถูกควบคุมราคา จึงมีผู้สนใจเข้ามาลงทุนในธุรกิจดังกล่าวนี้เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้มีการแข่งขันในการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตจนทำให้ต้นทุนสามารถแข่งขันกับตลาดโลกได้ มีผลทำให้ส่งออกได้และภาวะราคาในประเทศไม่สูงจนเกินไปนัก ผู้บริโภคก็ได้ประโยชน์ด้วย ตรงกันข้ามกับไข่ หมู ซึ่งถูกควบคุมเป็นระยะๆตลอดทุกรัฐบาลที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง จึงมีผลให้การพัฒนาการผลิตและประสิทธิภาพทางการผลิตน้อยกว่า อีกทั้งสถาบันการเงินก็ไม่ให้การสนับสนุน ส่งผลให้ภาวะราคามีอัตราปรับตัวเฉลี่ยสูงกว่าไก่เนื้อ

ดังนั้น ภาครัฐจึงควรให้กลไกของตลาดเป็นตัวกำหนดราคาสินค้าเกษตร โดยไม่ควบคุมราคา ซึ่งถือว่าจะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรที่เป็นผู้ใช้แรงงานกลุ่มใหญ่ของประเทศ เพราะที่ผ่านมาก็ไม่ได้รับการคุ้มครองภายใต้นโยบายค่าจ้างขั้นต่ำของรัฐบาลอยู่แล้ว พร้อมทั้งควรสนับสนุนทางด้านการเงินเพื่อให้เกิดการขยายและพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้สูงขึ้นเพื่อผู้บริโภคจะได้สามารถหาซื้อสินค้าได้ในราคาที่ไม่แพงจนเกินไปนัก

กล่าวโดยสรุป เราทุกคนควรต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงและต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่โลกยุคปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและไม่หยุดยั้ง มิฉะนั้นภาวะโดยรวมจะอยู่ไม่ได้ เพราะถ้าหากเราควบคุมราคาน้ำมันของโลกไม่ได้ ก็มีความจำเป็นต้องมีการปรับตัวให้สอดคล้องกับความเป็นจริง ดังนั้น นโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ที่จะปรับค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำและยกระดับราคาสินค้าเกษตรตามทฤษฎี 2 สูงจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งในการผลักดันเศรษฐกิจไทย ให้ปรับตัวพัฒนาก้าวหน้าครอบคลุมผลประโยชน์ของคนในชาติทุกกลุ่มอย่างทั่วถึง และเป็นการเพิ่มกำลังซื้อของคนภายในประเทศอย่างยั่งยืน

ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์26 กรกฎาคม 2554 18:07 น.